อินเดียเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี กระทบสุขภาพและพลังงาน
อินเดียเผชิญคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ โดยอุณหภูมิในกรุงนิวเดลีและอีกหลายรัฐทางเหนือพุ่งสูงกว่า 50 องศาเซลเซียสติดต่อกันนานกว่า 10 วัน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ระบบพลังงาน และความมั่นคงทางอาหารอย่างรุนแรง
กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียรายงานว่า คลื่นความร้อนในปีนี้เกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงผิดปกติ ประกอบกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อน ทำให้ชั้นบรรยากาศเก็บสะสมความร้อนไว้เหนือพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ
ผลกระทบที่ตามมาคือ โรงพยาบาลหลายแห่งมีผู้ป่วยลมแดดและโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อนเพิ่มขึ้นกว่า 200% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ แรงงานกลางแจ้ง และเด็กเล็ก ขณะที่ไฟฟ้าขัดข้องบ่อยครั้งเนื่องจากการใช้พลังงานเกินขีดจำกัดในช่วงกลางวัน

รัฐบาลอินเดียได้สั่งให้สถานศึกษาและสำนักงานรัฐปิดทำการชั่วคราวในหลายรัฐ พร้อมออกคำแนะนำให้ประชาชนอยู่ในอาคารและดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันยังเร่งแจกจ่ายน้ำสะอาดและเวชภัณฑ์ในเขตชุมชนแออัดที่ขาดแคลน
ผลผลิตทางการเกษตร เช่น ข้าวสาลี ถั่ว และผลไม้ต่าง ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากพืชไม่สามารถเจริญเติบโตในอุณหภูมิสูงอย่างต่อเนื่องได้ เกษตรกรในรัฐอุตตรประเทศและพิหารประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เตือนว่า คลื่นความร้อนในเอเชียใต้จะเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นหากไม่เร่งดำเนินมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา
นักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมชี้ว่า สถานการณ์ในอินเดียครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนระดับชาติและระดับโลก
🔎 สรุปความสำคัญ
อินเดียกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ—ไม่ใช่เพียงแค่ปี 2025 แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นทั่วเอเชีย การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อสุขภาพประชาชน ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และความมั่นคงของแหล่งน้ำ หากไม่มีมาตรการรับมือและลดความเสี่ยงต่อไป ภัยจากคลื่นความร้อนจะยกระดับเป็นวิกฤตสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงยิ่งขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



